ทฤษฎีพฤติกรรมภาวะผู้นำ(Behavioral Theory )
เป็นทฤษฏีที่รู้จักกันแพร่หลายมากที่สุด โดยพิจารณาลักษณะเฉพาะตัวตามแนวพฤติกรรมของผู้นำเน้นที่การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้นำที่พึงกระทำ การศึกษาพฤติกรรมของผู้นำนั้นมีการศึกษาวิจัยหลายกลุ่มด้วยกัน ดังนี้
v Autocratic style
v Democratic style
v Laissez-faire style
- ผู้นำแบบอัตตาธิปไตย (Autocratic Style) เป็นผู้นำแบบเผด็จการ รวบอำนาจ ตัดสินใจ แต่เพียงผู้เดียวและสั่งการให้ผู้อื่นปฏิบัติตามภาวะผู้นำแบบนี้ก็จำเป็นต้องนำมาใช้ในบางสถานการณ์ตัวอย่างเช่นเมื่อบริษัท Daewoo ประสบปัญหาทางด้านการเงิน ประธานบริษัทคือChairman Kimก็เปลี่ยนภาวะผู้นำของตนเองอย่างสิ้นเชิง จากผู้นำประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมมาเป็นผู้นำแบบเผด็จการที่รวมการตัดสินใจทุกอย่างไว้ที่ตนเอง กำหนดวิธีปฏิบัติงานให้ผู้ใต้บังคับบัญชา สั่งงานและจำกัดการให้ข้อมูลประกอบ ทั้งนี้เพื่อจะได้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วแม้ว่าจะต้องใช้วิธีการรึนแรงเช่นการให้พนักงานเกษียณก่อนกำหนดหรือให้ออกสำหรับผุ้ที่มีผลการปฏิบัติงานต่ำ แต่ทั้งนี้ก็เพื่อความอยู่รอดของบริษัทนั้นเอง และการปรับเปลี่ยนภาวะผู้นำดังกล่าว ก็ส่งผลให้บริษัท Daewooสามารถก้าวผ่านวิกฤตการณ์ด้านการเงิน กลับมาเป็นบริษัทที่มั่นคงได้(DuBrin and Ireland,1993)
- ผู้นำแบบประชาธิปไตย(Democratic Styie) ผู้นำประเภทนี้จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับกลุ่มในการตัดสินใจ และอนุญาตให้กลุ่มเป็นผู้กำหนดวิธีปฏิบัตติงาน รวมทั้งจะแจ้งให้กลุ่มทราบถึงข้อมูลข่าวสารที่จำเป็น อาทิ เป้าหมายขององค์กรรวมทั้งใช้ข้อมูลย้อนกลับเป็นโอกาสในการฝึกฝนสมาชิกกลุ่ม(สาคร สุขศรีวงค์,2549)
- ผู้นำแบบเสรีนิยม (Laissez-faie Style) ผู้นำแบบเสรีนิยมนี้จะมอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตัดสินใจและแก้ปัญหาต่างๆเองโดยผู้นำไม่สนใจรับผิดชอบนอกจากนี้ยังไม่ให้ข้อมูลป้อนกลับแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาว่าทำงานดีหรือไม่ดีอย่างไรด้วย(DuBrin and Ireland,1993)
นักวิจัยศึกษาพฤติกรรมและผลงานของผู้นำทั้ง3แบบเพื่อหาว่า ผู้นำแบบใดเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จหรือมีผลการดำเนินงานดีที่สุด และผู้นำแบบใดสร้างความพึงพอใจให้กับสมาชิกกลุ่มสูงสุด จากการวิจัยพบว่า ผู้นำอัตตาธิปไตยและผู้นำแบบประชาธิปไตยสามารถสร้างผลงานให้องค์การได้สูงในระดับเดียวกัน ผู้นำแบบเสรีนิยมสร้างผลงานได้ต่ำสุด
การเปรียบเทียบพฤติกรรมของผู้นำตามภาวะผู้นำประเภทต่างๆ
ภาวะผู้นำแบบอัตตาธิปไตย | ภาวะผู้นำแบบประชาธิปไตย | ภาวะผู้นำแบบเสรีนิยม |
-ผู้นำตัดสินใจเองแต่ผู้เดียว | -ผู้นำเข้าไปมีส่วนร่วมกับกลุ่มในการตัดสินใจ | -ผู้นำมอบอำนาจให้กลุ่มตัดสินใจได้โดยเสรี |
-กำหนดวิธีปฏิบัติงานเองแล้วจึงแจ้งให้สมาชิกกลุ่มปฏิบัติตาม | -อนุญาตให้กลุ่มเป็นผู้กำหนดวิธีปฏิบัติงาน | -ไม่เกี่ยวข้องในการกำหนดวิธีปฏิบัติงานแต่คอยดูแลอยู่ห่างๆ |
-จำกัดการแจ้งข้อมูลข่าวสารให้กลุ่มกับ | -แจ้งให้กลุ่มทราบถึงข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นอาทิเป้าหมายขององค์การ | -ไม่ค่อยติดต่อสื่อสารกับกลุ่มแต่จะเข้ามาเกี่ยวข้องเฉพาะเพื่อตอบข้อซักถาม |
-ไม่ค่อยได้ให้ข้อมูลย้อนกลับยกเว้นกรณีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานผิดพลาด | - ใช้ข้อมูลย้อนกลับเป็นโอกาสในการฝึกฝนสมาชิกกลุ่ม | -หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลย้อนกลับ |
ส่วนสมาชิกในองค์การมีความพึงพอใจกับผู้นำแบบประชาธิปไตยสูงที่สุด ขณะที่ผุนำอีก2 แบบไม่ค่อยได้รับความพึงพอใจจากสมาชิก ผลการวิจัยยังพบว่า ผู้นำแบบอัตตาธิปไตยสามารถทำงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ดีภายใต้เวลาที่จำกัด ซึ่งแตกต่างจากผู้นำประเภทอื่นที่จะทำได้ดีก็ต่อเมื่อมีเวลามากอย่างเพียงพอแล้วเท่านั้น(สาคา สุขศรีวงค์,2549)
Autocratic and Democratic Leader
Kurt Lewin ได้ทำการศึกษาในปลายทศวรรษที่ 1930 พบว่ากลุ่มที่นำโดยผู้นำแบบประชาธิปไตยโดยทั่วไปทำงานได้ในจำนวนเหมือนๆกับกลุ่มที่นำโดยผู้นำแบบเผด็จการ แต่สมาชิกของกลุ่มที่นำโดยผู้นำแบบประชาธิปไตยมีความพึงพอใจในงานมากกว่า
นักวิจัยได้แก่Robert Tannenbaum และWarren H.Schmidt ได้ขยายทรรศนะที่มีต่อภาวะผู้นำแบบเผด็จการและประชาธิปไตยจาก 2 พฤติกรรมออกเป็น 7 พฤติกรรม
การใช้อำนาจหน้าที่โดยผู้จัดการ
ผู้จัดการทำการตัดสินใจและประกาศใช้ให้บุคลากรปฏิบัติ. | ผู้จัดการชักจูงให้บุคลากรเห็นชอบในสิ่งที่ตนตัดสินใจ | ผู้จัดการสอบถามความเห็นของบุคลากรที่มีต่อความคิดของตนและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงเอ | ผู้จัดการกำหนดกรอบที่เป็นข้อจำกัดและสอบถามกลุ่มเพื่อทำการตัดสินใจ | ผู้จัดการอนุญาตให้กลุ่มทำหน้าที่อย่างอิสระภายใต้กรอบที่เป็นข้อจำกัด |
นางเนตรนภิส แสไธสง เลขที่ 47
นางสาวบุนยนุช ขวัญอยู่ เลขที่ 48